ในปัจจุบันเทรนด์การออกแบบและเทคโนโลยีการก่อสร้างได้ก้าวหน้าไปไกล ทำให้ความต้องการรูปแบบอาคารต่าง ๆ เป็นอิสระมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นที่อยู่อาศัย อาคารสาธารณะหรือโกดัง โรงงานขนาดใหญ่ ทำให้บางครั้งความยาวเหล็กในท้องตลาดไม่ตอบโจทย์การก่อสร้างอาคารบางหลัง หรือไปจำกัดการออกแบบอาคาร เพราะเหล็กมีความยาวที่มากหรือน้อยเกินไป ไม่พอดี ทำให้หน้างานต้องมีการตัดหรือเชื่อมเหล็กเพิ่มเติม จนทำให้มีเศษเหล็กเหลือทิ้งจำนวนมากหลังการก่อสร้าง

อาคารโครงสร้างเหล็กนั้นมีความแข็งแรงและสามารถใช้งานได้ยืดหยุ่น แต่หากเตรียมการหรือเลือกใช้เหล็กที่คุณภาพไม่ดีพอก็อาจจะมีปัญหาเรื่องสนิมเหล็กเกิดขึ้นได้ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อความแข็งแรงของโครงสร้างอาคาร การศึกษาและเลือกใช้เหล็กที่มีการเตรียมการและมีคุณสมบัติในการป้องกันสนิมเหล็กได้ดีจึงเป็นทางเลือกที่จะช่วยให้อาคารโครงสร้างเหล็กมีความมั่นคงแข็งแรงและใช้งานได้ยาวนาน

ในปัจจุบันโครงสร้างเหล็กได้รับความนิยมในประเทศไทยมากขึ้น ด้วยข้อดีต่างๆทำให้ผู้รับเหมา เจ้าของโครงการหลายๆคนหันมาใช้เหล็กในงานก่อสร้างมากขึ้น โดยเหล็กที่นำมาใช้ในงานโครงสร้างจะต้องมีคุณสมบัติที่ดี 2 ข้อคือ คุณสมบัติทางเคมีและคุณสมบัติทางกลที่ดี ซึ่งเป็นข้อยืนยันได้ว่าเนื้อวัสดุนั้นมีคุณภาพที่ดีเหมาะกับงานโครงสร้าง ผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบและมั่นใจได้ว่างานก่อสร้างจะแข็งแรงและได้มาตรฐาน

ในปัจจุบันโครงสร้างเหล็ก H-Beam ได้เข้ามามีบทบาทและถูกใช้ในงานก่อสร้างอาคารมากขึ้นแม้ ราคาวัสดุเหล็กโดยทั่วไปจะสูงกว่าคอนกรีต แต่ความคุ้มค่าที่ผู้ใช้งานได้รับ ไม่ว่าจะเป็นด้านการจัดการงานก่อสร้างที่ทำได้ง่าย คุณภาพของวัสดุที่ตรวจสอบได้ รวมถึงข้อดีที่ช่วยลดระยะเวลาในการก่อสร้าง ทำให้เหล็ก H-Beam ยังเป็นวัสดุสำคัญที่ผู้ใช้งานเลือกใช้ในการทำโครงสร้างงานอาคารเสมอมา ดังนั้นผู้รับเหมาจึงต้องเข้าใจในวัสดุเหล็กที่เหมาะกับการนำมาใช้ให้มากขึ้นอย่างรอบด้าน เพื่อให้สามารถแนะนำและเลือกใช้งานเหล็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การที่โครงสร้างเหล็กมีการเปราะแตกจากการเชื่อมเกิดขึ้นได้จาก 2 กรณีใหญ่ ๆ คือ เกิดจากขั้นตอนการทำงานของช่างเชื่อมไม่ว่าจะเป็นทักษะความชำนาญหรือการเลือกใช้อุปกรณ์การเชื่อมที่ส่งผลต่อเหล็ก และอีกกรณีคือเหล็กที่นำมาใช้มีคุณสมบัติทางเคมีที่ไม่เหมาะต่อการเชื่อมทำให้เหล็กเกิดปัญหาได้

เชื่อว่ามีผู้ประกอบการหลายเจ้าโดยเฉพาะกลุ่มโรงงานภาคอุตสาหกรรมยุคใหม่ ที่เริ่มหันมาให้ความสำคัญกับการใช้พลังงานสะอาด อย่างการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป (Solar Rooftop) เพื่อผลิตไฟฟ้าใช้เองจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะมาช่วยลดรายจ่ายค่าไฟฟ้าภายในโรงงาน

เพราะฝนกับประเทศไทยดูจะเป็นของคู่กันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และในปัจจุบันภัยจากหน้าฝนก็ดูจะรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ปัญหาความชื้นจึงเป็นเหมือนภัยคู่บ้าน ทำให้หลายคนที่คิดจะก่อสร้างบ้านต้องคิดหาทางป้องกันอย่างรอบด้านเพื่อการอยู่อาศัยที่วางใจได้พร้อมรับทุกฤดู ซึ่งหลายคนน่าจะเคยสงสัยกันว่า สำหรับการสร้างบ้านเหล็ก อะไรคือสิ่งสำคัญที่เราต้องใส่ใจบ้าง เพื่อพร้อมรับมือกับปัญหาความชื้นที่จะมากับหน้าฝน

แนวทางการก่อสร้างหลังจากนี้ มีแนวโน้มจะปรับเปลี่ยนไปในทิศทางใด? ที่จะมาช่วยลดผลกระทบต่อการทำงานและตอบโจทย์ความปลอดภัยต่อสุขภาพเพื่อให้ธุรกิจการก่อสร้างยังคงดำเนินต่อไปได้ นอกเหนือจากการปฏิบัติตนตามมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดอย่างเคร่งครัดในสภาวะวิกฤตแบบนี้

แม้จะคลายล็อกดาวน์แล้วแต่แรงงานที่คงเหลือในระบบกลับไม่เพียงพอ จากการหนีหายเพื่อเลี่ยงการตรวจสอบและออกไปหาแหล่งงานใหม่ จึงเกิดปัญหา “ขาดแคลนแรงงานก่อสร้าง” เป็นจำนวนไม่ต่ำกว่า 300,000-500,000 คน ซึ่งจะส่งผลกระทบในอนาคตแน่นอน