WIND Clinic คลินิกเสริมความงามบรรยากาศโรงแรม ที่โดดเด่นด้วยโครงสร้างเหล็กและ Façade บล็อกแก้วรอบอาคาร

หากพูดถึงโรงแรมหรือรีสอร์ท เราคงนึกถึงความสะดวกสบาย ความสวยงามหรูหราและบรรยากาศอันผ่อนคลาย ซึ่งในปัจจุบันอาคารหลาย ๆ ประเภทก็ได้หยิบเอาองค์ประกอบของโรงแรมและรีสอร์ทมาใช้อย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะในบ้านพักอาศัย คอนโดมิเนียม สำนักงาน ห้างร้านต่าง ๆ รวมไปถึง WIND Clinic คลินิกเสริมความงามแห่งใหม่ที่ตั้งอยู่บนถนนชยางกูร ณ สี่แยกกองบิน ในจังหวัดอุบลราชธานีด้วยเช่นกัน ที่ได้หยิบยกบรรยากาศและองค์ประกอบของความหรูหราและผ่อนคลายของโรงแรมมาออกแบบและปรับใช้กับโครงการ เพื่อให้บรรยากาศภายในโครงการมีความเรียบหรู สวยงามและโดดเด่นสะดุดตาแบบที่ไม่เคยเห็นในคลินิกเสริมความงามทั่วไป 

และด้วยความต้องการของเจ้าของโครงการที่อยากให้อาคารมีความทันสมัย มีความโปร่งและสวยงามสะดุดตาที่สุด ทางสถาปนิก คุณพล สิทธิพล โกมลเวชกุล และคุณสุทธินนท์ ไถวสินธ์ จากบริษัท สุธีสถาปนิก จำกัด จึงเลือกใช้เหล็ก H-BEAM เข้ามาเป็นโครงสร้างหลักของอาคาร เพื่อให้อาคารมีความเบา โปร่งและดูทันสมัย และขณะเดียวกันก็เลือกใช้บล็อกแก้วมาเป็น Façade อาคาร เพื่อเป็นเกราะกรองแสงแดดในทิศตะวันตก และเพิ่มความโดดเด่นเล่นแสงไฟในช่วงค่ำ WIND Clinic จึงเป็นคลินิกบรรยากาศโรงแรมที่โดดเด่นตลอดทั้งช่วงกลางวันและกลางคืน

 

คลินิกเสริมความงาม ที่มีคอนเซปต์หลักคือความทันสมัยและสวยงามระดับโรงแรม

บนพื้นที่หัวมุมถนนบริเวณสี่แยกกองบิน ในตัวเมืองจังหวัดอุบลราชธานี ถูกก่อสร้างเป็นคลินิกเสริมความงามของ WIND Clinic ที่มีพื้นที่ใช้สอยประมาณ 1,200 ตารางเมตร ซึ่งถูกออกแบบเป็นอาคารรูปทรงตัวแอล (L-Shape) ล้อไปตามแนวเขตที่ดินด้านหลัง ส่วนด้านหน้าเปิดเป็นพื้นที่สวนหย่อมขนาดใหญ่เชื่อมต่อเข้ากับทางเข้าออกด้านถนนชยางกูร เป็นการเปิดต้อนรับผู้มาใช้บริการด้วยความร่มรื่นของพื้นที่สีเขียว และความทันสมัยเรียบหรูของตัวอาคาร 

ด้วยความต้องการของเจ้าของโครงการที่ต้องการให้อาคารมีความโปร่ง เบา ทันสมัย ใช้งานได้สะดวกสบาย และที่สำคัญคือมีความหรูหราเหมือนกับโรงแรม ที่ดินจึงถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนใหญ่ ๆ คือส่วนของอาคารที่เป็นรูปตัวแอล และส่วนของสวนหย่อมที่มีขนาดใหญ่กว่าปกติ ซึ่งเป็นเหมือนวิวหลักของโครงการ ช่วยให้ผู้ใช้บริการรู้สึกผ่อนคลายและสดชื่นได้มากขึ้น

ในส่วนของอาคารทางคุณพล สิทธิพล โกมลเวชกุล และคุณสุทธินนท์ ไถวสินธ์ สถาปนิกผู้ดูแลงานออกแบบจากบริษัท สุธีสถาปนิก จำกัด ได้เลือกใช้เหล็ก H-BEAM มาเป็นโครงสร้างหลักของอาคาร และแบ่งพื้นที่ใช้สอยของอาคารออกเป็น 4 ชั้น โดยชั้นที่หนึ่งจะเป็นลานจอดรถ ชั้นที่สองเป็นส่วนของโถงต้อนรับและส่วนให้บริการทั่วไป ออกแบบให้เป็นผนังกระจกขนาดใหญ่ที่สามารถมองเห็นทั้งวิวสวนและวิวเมืองได้รอบด้าน รวมถึงออกแบบให้เป็น Double Volume ส่วนโถงต้อนรับจึงมีความหรูหราและโปร่งเหมือนโถงต้อนรับของโรงแรม

ชั้นที่ 3 จะเป็นส่วนของ VIP Lounge และชั้นที่ 4 เป็นพื้นที่ออฟฟิศภายในของคลินิก ซึ่งทั้ง 2 ชั้นนี้ต้องการความเป็นส่วนตัวมาก ดังนั้นสถาปนิกจึงได้เลือกใช้บล็อกแก้วที่มีความใสมาเป็น Façade อาคารเพื่อช่วยบังตาและกรองแสงให้กับอาคาร ในขณะเดียวกันก็ยังสามารถรักษาความโปร่ง เบาของอาคารตามคอนเซปต์แรกเริ่มไว้ได้ ส่วนภายในคลินิก มีการตกแต่งด้วยกระจกและวัสดุที่หลากหลาย เน้นไปในโทนน้ำตาล เทา ขาว และตกแต่งด้วยเส้นอลูมีเนียมสีทองเพิ่มเสริมความหรูหรา อีกทั้งในบริเวณทางเดินของชั้นที่ 2 ยังมีการทำสวนลอยฟ้าและแทรกต้นไม้ไว้ในอาคาร ทำให้พื้นที่ใช้งานในหลาย ๆ ส่วนใกล้ชิดธรรมชาติได้มากขึ้น

 

โครงสร้างเหล็ก H-BEAM สามารถตอบโจทย์การออกแบบและก่อสร้าง WIND Clinic ได้อย่างครอบคลุม

ในการออกแบบคลินิกแห่งนี้ มีจุดที่น่าแปลกตาและตื่นตาตื่นใจอยูหลายจุด เริ่มจากขนาดช่วงเสาของอาคารที่วางความกว้างไว้ที่ 6 เมตรเท่ากันทั้งอาคารและส่วนโครงสร้างรับ Façade ที่อยู่ในระยะ 3 เมตร ซึ่งระยะเหล่านี้มาจากความต้องการที่อยากประหยัดเหล็ก ไม่อยากให้มีเศษเหล็กเหลือทิ้งที่หน้างาน โดยส่วนของเสาเหล็ก H-BEAM นี้มีขนาด เพียง 20×20 ซม. และมีความลึกของคานเหล็ก H-BEAM อยู่ที่ประมาณ 40 ซม. 

ในจุดถัดมาคือส่วนของ Façade อาคาร ที่โดดเด่นด้วยความใสของบล็อกแก้ว และโครงสร้างที่ยื่นยาวออกมาถึง 3 เมตรโดยที่ไม่มีเสามารับโครงสร้างนี้ โดยทางสถาปนิกได้ออกแบบให้เหล็ก H-BEAM เป็นโครงสร้างที่ยึดติดอยู่กับโครงสร้างหลักทางด้านหลังเพื่อทำหน้าที่รับน้ำหนักบล็อกแก้วที่หนักว่าผนังก่ออิฐทั่วไป และในจุดที่มี Façade สูง 9 เมตร จะมีการใช้เหล็ก C-Channel และเสริมคานเอ็นไว้ที่ด้านหลังบล็อกแก้วทุก ๆ 3 เมตร เพื่อช่วยรักษาสมดุลและเสริมความแข็งแรง Façade บล็อกแก้วของอาคาร

และอีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจคือสวนในโครงการที่แทรกตัวอยู่ตามจุดต่าง ๆ ทำให้บรรยากาศภายในดูคล้ายกับรีสอร์ทอันผ่อนคลาย และที่พิเศษคือสวนบนชั้นสอง ซึ่งการออกแบบให้อาคารที่ไม่ได้ติดกับพื้นดิน แต่สามารถปลูกต้นไม้หรือวางกระถางต้นไม้ได้นั้น จะต้องออกแบบให้โครงสร้างแข็งแรงเพียงพอรับน้ำหนักดินและต้นไม้ ซึ่งภายในโครงการ WIND Clinic นี้ ได้มีการเลือกใช้เหล็ก H-BEAM เป็นโครงสร้างอยู่แล้วจึงมีความแข็งแรงที่เพียงพอครอบคลุมการใช้งานในส่วนต่าง ๆ ทั้งโครงการ สถาปนิกพยายามรักษาและนำเสนอความสวยงามของเส้นสายโครงสร้างที่สม่ำเสมอกันทั้งอาคาร WIND Clinic จึงกลายเป็นคลินิกที่มีบรรยากาศน่าใช้งานและมีเส้นสายการดีไซน์ที่คมชัดและสวยงามอย่างที่เห็นกัน เหล็ก H-BEAM ที่ได้นำมาใช้ในโครงการนี้ จึงถือเป็นวัสดุที่ช่วยตอบโจทย์การออกแบบ การก่อสร้างและการใช้งานได้อย่างครอบคลุมมากที่สุด

 

ข้อจำกัดด้านที่ตั้ง ปัจจัยสำคัญของการเลือกใช้งานโครงสร้างเหล็ก H-BEAM

คุณพลได้เล่าว่า นอกจากเรื่องดีไซน์ที่ต้องการให้อาคารดูเบาและทันสมัยแล้ว อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ตัดสินใจเลือกใช้เหล็ก H-BEAM มาเป็นโครงสร้างหลักของอาคารก็คือที่ตั้ง เพราะที่ตั้งของโครงการอยู่ในเขตพื้นที่ Landing ของสนามบิน การวางแปลนอาคาร และการจัดการงานก่อสร้าง ตลอดจนการเช่าเครนเพื่อยกวัสดุขึ้นไปก่อสร้างและติดตั้งบนอาคารจะต้องคำนึงถึงข้อกำหนดอย่างเคร่งครัด ซึ่งการเลือกใช้เหล็ก H-BEAM นั้นสามารถประกอบชิ้นส่วนที่ด้านล่างและยกติดตั้งเสร็จได้ภายในไม่กี่วัน เมื่อประกอบและติดตั้งเสร็จ ก็ไม่ต้องกังวลใจเรื่องเขต Landing ของสนามบิน และยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการเช่าเครนได้มากขึ้นด้วย

นอกจากนี้คุณพล ยังได้เล่าว่างานส่วนใหญ่ที่ผ่านมาของตนเอง ที่ได้ออกแบบคืองานโครงสร้างเหล็ก ทำให้มีความเชี่ยวชาญและมีความประทับใจในวัสดุเหล็ก H-BEAM มาโดยตลอด ทั้งในเรื่องของระยะเวลาในการก่อสร้างที่รวดเร็วกว่า 2 – 3 เท่า และเรื่องของดีไซน์ที่เหล็กสามารถตอบโจทย์ความต้องการในการยื่นยาวหรือพลิกแพลงได้มากกว่า และที่สำคัญคือการเลือกใช้เหล็ก H-BEAM สามารถมั่นใจได้เลยว่าโครงสร้างจะมีความเที่ยงตรงมาก เพราะผลิตและสำเร็จเป็นท่อนมาจากโรงงาน โครงสร้างอาคารจึงแข็งแรง แม่นยำและมีคุณภาพได้เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ เช่นเดียวกับที่ WIND Clinic คลินิกเสริมความงามโครงสร้างเหล็กแห่งนี้ มีความสวยงามควบคู่ไปกับความแข็งแรงมั่นคง