เหตุผลว่าทำไมเหล็กเอชบีมยังคงเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า ในวันที่ราคาเหล็กแพง!

ถึงแม้ว่าราคาเหล็กในช่วงนี้ จะปรับตัวสูงขึ้น และมีผลกระทบต่อต้นทุนการก่อสร้าง เหล็กก็ยังคงเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าสำหรับเจ้าของโครงการ โดยเฉพาะเหล็กเอชบีม เนื่องจากสามารถตอบโจทย์ความคุ้มค่าได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นความรวดเร็วในการก่อสร้าง เพราะสามารถประกอบบางส่วนมาจากโรงงานได้ การใช้คนงานก่อสร้างหน้างานน้อย ทำให้ประหยัดค่าแรงงาน และช่วยให้สามารถเว้นระยะห่างในการทำงาน ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ Covid-19 ได้อีกด้วย


เหล็กย้ายง่าย ถอดประกอบใหม่ได้เสมอ

หากเป็นโครงสร้างคอนกรีตเมื่อเลิกใช้งานอาคารนั้นแล้วอยากสร้างใหม่ก็ทำได้แค่ทุบทิ้งเพียงอย่างเดียว แต่สำหรับโครงสร้างเหล็กนั้นต่างกัน เพราะเหล็กสามารถถอดประกอบแยกส่วน เพื่อยกย้าย (Relocate) ไปปลูกสร้างในทำเลใหม่ได้ง่าย ๆ เช่น หากอาคารเดิมปลูกสร้างอยู่บนพื้นที่เช่าที่ครบอายุสัญญาเช่าหรือตำแหน่งเดิมนั้นไม่ตอบโจทย์ในการทำธุรกิจ ก็สามารถถอดย้ายอาคารไปปลูกสร้างในตำแหน่งใหม่ได้ โดยเฉพาะในอาคารโครงสร้างเหล็กเอชบีม (H-Beam) ที่ติดตั้งด้วยระบบ Bolted Connection ที่ช่วยให้การถอดย้ายชิ้นงานเหล็กสะดวกและเรียบร้อยยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับ งานก่อสร้างระบบสำเร็จรูปแบบ Modular System ที่สามารถยกย้ายทั้ง ยูนิตไปติดตั้งในสถานที่ใหม่ได้เลย (อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่นี่) เหล็กเอชบีมจึงเป็นวัสดุโครงสร้างที่คุ้มค่า ประหยัดมากกว่าและสามารถสร้างมูลค่าได้ไม่จำกัดครั้ง!


เหล็กเก่าขายได้ เลิกใช้แล้วเปลี่ยนเป็นเงินได้อีก

แม้เหล็กเส้นในงานคอนกรีตจะขายได้ ก็อาจต้องเสียทั้งเวลาและแรงงานในการคัดแยกเศษเหล็กออกมาจากคอนกรีต แต่ในงานโครงสร้างเหล็ก หากต้องการจะรื้อถอน ก็สามารถรื้อถอนได้ง่าย ใช้แรงงานน้อยกว่า เหล็กเอชบีม (H-Beam) ที่รื้อออกมาสามารถนำไปขายต่อได้เลย แถมยังมีราคา และขายได้ง่ายตามแหล่งรับซื้อเหล็กทั่วไปไม่ต่างกับการขายเศษเหล็กจากเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ เพียงแค่ติดต่อแหล่งรับซื้อก็สามารถเข้ามาขนไปได้เลย และถือว่าเป็นเศษเหล็กคุณภาพดี ขายไม่ยาก ช่วยคืนทุนได้แน่นอน


เหล็กรีไซเคิลได้ ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

เหล็กเรียกได้ว่าเป็นวัสดุกรีน หรือที่สามารถนำมารีไซเคิลใหม่ได้เกือบ 100% ต่างจากคอนกรีตที่เมื่อโดนทุบทำลายก็ไม่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อีก และการนำมาซึ่งวัสดุคอนกรีตต้องทำลายสิ่งแวดล้อม เหล็กจึงนับเป็นทรัพยากรหมุนเวียน (Circular Economy) ที่สามารถขายเพื่อรวบรวมไปยังโรงงานให้หลอมกลับมาใช้ใหม่ได้ไม่จำกัด เหล็กจึงช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีบทบาทในการช่วยลดภาวะโลกร้อนได้อีกด้วย