การเลือกใช้เครื่องมือการตัดเหล็กให้เหมาะสมกับชิ้นงาน

หากพูดถึงเรื่องของประเภทการตัดเหล็ก ที่สามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทหลักๆ ตามประเภทของเครื่องตัด ได้แก่ การตัดเหล็กด้วยแก๊ส, การตัดเหล็กด้วยใบเลื่อย (Band Saw), และการตัดเหล็กด้วยเครื่องพลาสม่า ซึ่งแต่ละประเภทก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยและความต้องการของงานโครงสร้างเหล็กชิ้นนั้นๆ อย่าง ความต้องการในแง่ของความสวยงามไร้ที่ติของรอยตัด หรือปัจจัยในเรื่องของระยะเวลาการทำงานที่ต้องการความรวดเร็วสูงก็อาจต้องใช้ประเภทการตัดเหล็กที่ช่วยให้งานเสร็จรวดเร็วตามไปด้วย เป็นต้น การพิจารณาเลือกประเภทการตัดเหล็กให้เหมาะสมจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ไม่ควรมองข้าม


การตัดเหล็กด้วยแก๊ส 

การตัดเหล็กด้วยแก๊ส ถือเป็นประเภทที่ช่างเหล็กรู้จักกันดี และนิยมถูกนำไปใช้โดยทั่วไปตามหน้างาน ด้วยการที่เคลื่อนย้ายอุปกรณ์ไปตามหน้างานได้ง่ายขณะเดียวกันก็มีประสิทธิภาพการทำงานที่ค่อนข้างดี สามารถปรับความแรงของแก๊สเพื่อตัดเหล็กที่มีความหนาได้หลากหลาย แต่ด้วยที่เป็นกระบวนการอาศัยเปลวไฟจากหัวตัดและถูกควบคุมอุปกรณ์ด้วยมือของช่างเสียส่วนใหญ่ จึงอาจทำให้ไม่สามารถควบคุมจุดตัดได้ดีเท่าที่ควรและต้องทำการเจียร์แต่งแผลรอยตัดให้สวยงามเพิ่มเติม


การตัดเหล็กด้วยพลาสม่า   

การตัดเหล็กด้วยพลาสม่า เป็นประเภทการตัดที่มีความแม่นยำสูง จึงทำให้มั่นใจได้ว่ารอยตัดของโครงสร้างเหล็กจะค่อนข้างได้มาตรฐานสวยงาม เพราะเป็นกระบวนการตัดเหล็กที่ทำให้เกิดการหลอมละลายจากความต่างศักย์ ซึ่งทำให้แผลของรอยตัดมีความคม ไม่ต้องทำการเจียรเพิ่มเพื่อเก็บงานในภายหลัง และถึงแม้การตัดเหล็กด้วยพลาสม่าจะนิยมถูกนำไปใช้ในวงการอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ต่างๆ แต่ข้อเสียคือสามารถตัดได้เฉพาะเหล็กที่มีความหนาไม่มาก การวิเคราะห์เบื้องต้นถึงความเหมาะสมก่อนนำโครงสร้างเหล็กไปใช้กับอุปกรณ์จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก


การตัดเหล็กด้วยใบเลื่อย (Band Saw) 

การตัดเหล็กด้วยใบเลื่อย มักถูกนำไปใช้โดยทั่วไปภายในโรงงาน ซึ่งจะเป็นใบเลื่อยที่มีขนาดใหญ่พิเศษไม่เหมือนใบเลื่อยทั่วไป เพื่อให้สามารถตัดเหล็กในจำนวนหลายๆ ท่อนในเวลาเดียวกันได้ หรืออาจกล่าวได้ว่าเป็นประเภทการตัดเหล็กที่ใช้ตัดเหล็กเป็นมัด ช่วยให้การทำงานเป็นไปได้อย่างรวดเร็วกว่าอุปกรณ์ตัดเหล็กประเภทอื่นๆ ที่อาจต้องตัดเหล็กที่ละท่อน

อย่างไรก็ตาม ภายในแต่ละโรงงานล้วนแต่จำเป็นต้องมีการวางแผนการปฏิบัติงานอย่างถี่ถ้วนว่าควรนำเหล็กประเภทใด ขนาดอะไร และนำไปใช้กับอุปกรณ์ประเภทไหนจึงจะเหมาะสม ซึ่งแน่นอนว่าอุปกรณ์ทั้ง 3 ประเภทที่กล่าวมาข้างต้น ก็ล้วนแต่เป็นอุปกรณ์ที่มีอยู่อย่างครบวงจรภายในโรงงานแต่ละแห่งอยู่แล้ว การพิจารณาและทำความเข้าใจกับการทำงานของอุปกรณ์ต่างๆ จึงเป็นหน้าที่ของวิศวกรหรือช่างผู้มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางที่ไม่อาจมองข้าม