ในหลายปีมานี้กลุ่มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และดิจิตอลเป็นกลุ่มหลักที่มีการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศและมีสถิติการเติบโตมากขึ้นในทุกปี เป็นผลดีให้ไทยมองเห็นแนวทางด้านอุตสาหกรรม และเร่งวางแผนให้ประเทศพร้อมรองรับการลงทุนเหล่านี้ที่จะเกิดขึ้น
การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศไม่ใช่แค่เพียงช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ การจ้างงาน และการพัฒนาทักษะของแรงงานจะเติบโตเท่านั้น แต่ดีไซน์เนอร์และผู้รับเหมายังมีโอกาสในการออกแบบ ก่อสร้าง และร่วมงานกับบริษัทระดับโลก รวมถึงเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานที่จะเกิดขึ้นในประเทศมากขึ้นด้วย
และเพื่อเพิ่มความน่าลงทุนในสายตาของต่างชาติ นอกจากประเทศไทยจะต้องวางโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับการเข้ามาลงทุนแล้ว ดีไซน์เนอร์หรือผู้รับเหมาที่มีโอกาสได้ร่วมงานกับโครงการต่าง ๆ ควรใส่ใจและนำเทรนด์การก่อสร้างที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเข้ามาปรับใช้ร่วมด้วย ทั้งด้านการออกแบบ การบริหารงาน การเลือกใช้วัสดุและการเปิดใช้งานอาคาร เพื่อให้อาคารในโครงการมีศักยภาพและคุณภาพระดับสากล เป็นที่ต้องการของตลาดการลงทุน
FDI คืออะไร? สำคัญอย่างไรในวงการอุตสาหกรรมไทย?
FDI หรือ Foreign Direct Investment คือ การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ โดยปัจจัยที่ทำให้เกิดความต้องการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในประเทศไทย คือ อัตราการเติบโตของผลผลิตมวลรวมในประเทศปีที่ผ่านมา โดยพิจารณาจากอัตราค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำ อัตราเงินเฟ้อภายในประเทศ การใช้จ่ายของรัฐบาล และการเก็บภาษี
ความสำคัญของ FDI คือการทำให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจในประเทศนั้น ๆ เกิด Hub หรือฐานการผลิตที่มีศักยภาพสามารถรองรับการผลิตสินค้าระดับสากลได้ ส่งผลให้เกิดการสร้างโครงการ โรงงาน มีการจ้างงานและพัฒนาสายอาชีพนั้น ๆ ในประเทศมากขึ้น ประเทศที่เป็นตลาดใหม่และเป็นเป้าหมายของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศจึงทำการแข่งขันกัน เพื่อให้ได้รับการลงทุนจากต่างประเทศนั่นเอง
สำหรับวงการอุตสาหกรรมไทย หากมองถึงสถิติ FDI ในปีที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่า ช่วงปี 2562 – 2564 การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในประเทศไทยยังไม่เติบโตมากนัก โดยในปี 2562 มีการอนุมัติการลงทุน FDI อยู่ที่ 876 โครงการ ต่อมาในปี 2563 มีทั้งหมด 923 โครงการ และปี 2564 มีจำนวน 771 โครงการเท่านั้น โดยโครงการที่เข้ามาลงทุนในไทยมากที่สุด คือ กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และกลุ่มดิจิตอล
ขอบคุณที่มารูปภาพและข้อมูลจาก: www.boi.go.th/upload/content/FDI%20Q4%202021_636ca978dc3a5.pdf
ต่อมาในปี 2565 – 2567 การลงทุน FDI ในประเทศไทยนั้นมีการเติบโตมากขึ้นจากในอดีตค่อนข้างมาก โดยในปี 2565 มีการลงทุนเพิ่มขึ้นเป็น 802 โครงการ ในปี 2566 เพิ่มขึ้นเป็น 1,338 และในปี 2567 ที่ผ่านมามีจำนวน 1,910 โครงการ โดยยังคงเป็นกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ที่มีการลงทุนมากที่สูง ตามด้วยอุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน อุตสาหกรรมปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ รวมไปถึงอุตสาหกรรมดิจิตอลตามลำดับ
ขอบคุณที่มารูปภาพและข้อมูลจาก: www.boi.go.th/upload/content/FDI%20report%202024%20final_67a058828bd0c.pdf
จากสถิติที่แสดงให้เห็น 6 ปีย้อนหลัง แสดงให้เห็นถึงภาพรวมของอุตสาหกรรมที่เติบโตขึ้นภายในประเทศ รวมถึงแสดงให้เห็นถึงทิศทางและความเชี่ยวชาญของแรงงานไทยที่มีทักษะพร้อมทำงานในกลุ่มอุตสาหกรรมนั้น ๆ อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ยังทำให้เห็นถึงเทรนด์ต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุนในไทยมากขึ้นในอนาคตด้วย
การลงทุนมากขึ้น = ดีไซน์เนอร์ ผู้รับเหมาในไทยมีโอกาสทำงานร่วมกับตลาดสากลมากขึ้น
สถิติ FDI ที่เข้ามาลงทุนในไทยโดยตรงนี้ไม่ใช่แค่ส่งผลให้ด้านเศรษฐกิจในประเทศเกิดการเติบโตและหมุนเวียน คือ มีการจ้างงาน มีการฝึกทักษะและองค์ความรู้ รวมถึงมีการหมุนเวียนของเม็ดเงินในประเทศเท่านั้น แต่ยังมีอีกโอกาสที่เกิดขึ้น คือเป็นการเปิดพื้นที่ให้ดีไซน์เนอร์และผู้รับเหมาในไทยได้มีโอกาสร่วมงาน เป็นส่วนหนึ่งในการทำงานร่วมกับบริษัทในระดับสากลมากขึ้น โดยเฉพาะการออกแบบและก่อสร้างโรงงานหรือกลุ่มอาคารที่จะกลายมาเป็นฐานการผลิตในประเทศไทย
ข้อได้เปรียบของดีไซน์เนอร์ ผู้รับเหมาในประเทศไทยที่มีโอกาสในการได้ทำงานจุดนี้ คือเป็นผู้ที่รู้กฎหมายหรือเกณฑ์ในการออกแบบและก่อสร้างในประเทศเป็นอย่างดี คุ้นเคยกับระบบ รวมถึงวัสดุการก่อสร้างในประเทศ จึงทำให้การดำเนินการสะดวกรวดเร็วได้มากกว่าทีมจากต่างประเทศเข้ามาดำเนินการ
และเมื่อรวมกับการปรับตัวของดีไซน์เนอร์ ผู้รับเหมาไทยที่ตามเทรนด์โลกมากขึ้น เช่น การใช้วัสดุ การออกแบบประหยัดพลังงานหรือใช้วัสดุทางเลือกมากขึ้น ก็จะยิ่งเพิ่มโอกาสในการได้รับเลือกเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของโครงการเหล่านี้มากขึ้นตามไปด้วย
ตอบโจทย์และต่อยอดอุตสาหกรรมให้มีคุณภาพระดับสากลด้วยเหล็ก SYS
การก่อสร้างให้ได้มาตรฐานตามที่บริษัทต่างชาติกำหนดไว้ จำเป็นที่จะต้องคำนึงถึงหลายด้าน เช่น หลักการออกแบบต้องถูกตามกฎหมาย รูปแบบการก่อสร้างที่มั่นคง สามารถดำเนินการได้เร็วเพื่อให้เปิดใช้งานได้เร็ว รวมไปถึงการเลือกใช้วัสดุที่ต้องทนทานและใช้งานได้อย่างยืดหยุ่นแข็งแรง
ซึ่งเหล็กโครงสร้าง SYS เป็นหนึ่งในวัสดุก่อสร้างที่ดีไซน์เนอร์และผู้รับเหมาหลาย ๆ โครงการ ตั้งแต่ขนาดเล็ก เช่น บ้าน สำนักงาน ไปจนถึงขนาดหลางและใหญ่อย่าง โกดัง โรงงาน หรืออาคารสาธารณะ เลือกใปใช้งานเป็นโครงสร้างหลักของอาคารมาโดยตลอด
ด้วยคุณสมบัติด้านความแข็งแรงและการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมที่ถูกควบคุมมาอย่างเข้มข้นตั้งแต่กระบวนการแรกของการผลิต ไปจนถึงการติดตั้งที่มีมาตรฐาน สามารถเสร็จสิ้นได้ในระยะเวลาไม่นาน จึงเป็นวัสดุที่ช่วยส่งเสริมและต่อยอดโอกาสในการร่วมงานในโครงการต่าง ๆ ที่เข้ามาลงทุนในประเทศ ให้สามารถโชว์ศักยภาพและคุณภาพของคนไทยในระดับสากลทั้งในปัจจุบันและเทรนด์ที่จะเกิดและเติบโตขึ้นในอนาคตได้อย่างเต็มที่