“โครงสร้างเหล็ก” เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการก่อสร้างที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะบ้านหรืออาคารโครงสร้างเหล็ก สามารถก่อสร้างได้รวดเร็วโดยใช้แรงงานที่น้อยกว่า มีความยืดหยุ่นสูงสามารถทนต่อแรงสั่นไหว ควบคุมคุณภาพการก่อสร้างได้ง่ายกว่าโครงสร้างชนิดอื่น และที่สำคัญยังมีความแข็งแรงสูงสามารถรับน้ำหนักได้มากเมื่อเทียบกับน้ำหนักของเหล็กเอง
กำเนิดเหล็กกล้า SM520
“เมื่อมีความต้องการใช้เหล็กในอุตสาหกรรมการก่อสร้างมากขึ้น จึงได้มีการวิจัยและพัฒนาการผลิตเหล็กโครงสร้างอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ได้เหล็กที่มีคุณภาพสูง สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้มากยิ่งขึ้น หนึ่งในนั้นคือ เหล็กกล้ากำลังสูง (High Strength Steel) หรือเหล็ก Grade SM520 ซึ่งมีกระบวนการผลิตที่ต้องควบคุมส่วนผสมทางเคมีที่เข้มงวดมากยิ่งขึ้น เพื่อให้ได้เหล็กโครงสร้างที่มีกำลังรับแรงดึงที่สูงขึ้น (High Yield Strength) มีความสามารถในการเชื่อมได้ดี (Good Weldability) และยังคงคุณสมบัติด้านความเหนียวในสภาพแวดล้อมที่อุณหภูมิต่ำ (Toughness at low temperature) ได้อีกด้วย
SM520 ประหยัดต้นทุนก่อสร้างสูงถึง 20%
เหล็กกล้ากำลังสูง (High Strength Steel : Grade SM520) จะมีกำลังรับน้ำหนักได้สูงขึ้น 50% เมื่อเปรียบเทียบกับเหล็กโครงสร้างทั่วไป (Mild Steel : Grade SS400) ดังนั้นในการรับน้ำหนักบรรทุกที่เท่ากันของอาคารโครงสร้างเหล็ก การเลือกใช้เหล็กกล้ากำลังสูง Grade SM520 จะทำให้สามารถประหยัดน้ำหนักเหล็กโครงสร้างที่ต้องใช้ รวมไปถึงยังสามารถลดขนาดของโครงสร้างเสา คาน และโครงหลังคาได้อีกด้วย ซึ่งยังส่งผลให้ทางอ้อมต่างๆดังนี้
- ทำให้อาคารดูโล่ง มีพื้นที่ใช้สอยมากขึ้น
- ลดต้นทุนในส่วนอื่นๆ เช่น ค่าแรง Fabrication, ค่าติดตั้ง, ค่าขนส่ง
- ลดขนาดของ Footing หรือเสาเข็ม เนื่องจากใช้น้ำหนักของเหล็กน้อยลง
- ลดระยะเวลาในการก่อสร้าง
เห็นข้อดีหลายๆ ข้อสำหรับเหล็ก Grade SM520 หรือ High Strength Steel คงต้องยอมรับว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับอุตสาหกรรมการก่อสร้าง แต่ขอแนะนำจุดสังเกตเพื่อให้ได้สินค้าที่มีคุณภาพ คือต้องได้รับมาตรฐานเหล็กกล้ากำลังสูงในประเทศไทย ซึ่งออกโดยสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม(สมอ.) คือ มอก.1227-2539 เพียงเท่านี้ก็มั่นใจได้ว่าได้เหล็กดีมีคุณภาพสูงแน่นอน