รวมเทคนิคเล็กๆที่ ไม่ควรมองข้าม เมื่อคิดจะเชื่อมเหล็กให้สวยเนี้ยบไร้ที่ติ

เพราะงานเชื่อมเปรียบได้กับเป็นงานศิลป์งานฝีมือ ที่มีความละเอียดอ่อนและมีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อ “ชิ้นงานเชื่อมที่ดี” นอกจากเทคนิคตามตำรา ความชำนาญ และประสบการณ์การทำงานแล้ว เรื่องของ “ความประณีตพิถีพิถันในการเชื่อม” ก็ถือเป็นขั้นตอนและเทคนิคหนึ่งที่น่าคำนึงถึงไม่น้อย ซึ่งส่วนนี้อาจกล่าวได้ว่าเป็นคุณลักษณะเฉพาะส่วนบุคคลที่ไม่ได้มีกันอย่างทั่วไปเท่าไหร่นัก แต่ข้อสำคัญเล็กๆน้อยๆ ที่ไม่ควรตกหล่นและยังเป็นส่วนหนึ่งในองค์ประกอบของเทคนิคการเชื่อมที่ดี จึงมีดังต่อไปนี้


1. ปฏิบัติตามมาตรฐานการทำงาน 

โดยทั่วไปข้อควรปฏิบัติเบื้องต้นก่อนเริ่มงานเชื่อมเหล็ก คือ การศึกษามาตรฐานการทำงานและปฏิบัติตามมาตรฐานอย่างเหมาะสม เช่น การเตรียมงาน พารามิเตอร์การเชื่อม แรงดันอาร์ก อัตราเร็วการเชื่อม รวมถึงชนิดของลวดเชื่อม ชนิดของงาน และการออกแบบรอยต่อ เป็นต้น


2. ควรมีการวางแผนและออกแบบงานเชื่อมก่อนทุกครั้ง 

การวางแผนงานตั้งแต่ขั้นตอนแรกก่อนเริ่มงานแน่นอนว่าจะส่งผลให้การทำงานในขั้นตอนอื่นๆ ง่ายและออกมาสมบูรณ์ยิ่งขึ้น เช่น การวางแผนเตรียมผิวของเหล็กก่อนทำการเชื่อม และวิเคราะห์ชนิดของลวดเชื่อมที่จะนำมาใช้ให้เหมาะกับความหนาของเหล็ก รวมถึงการออกแบบงานเชื่อมที่เหมาะสมกับชิ้นงานนั้นๆ ผ่าน WPS (Welding Procedure Specification) เพื่อให้ผลลัพธ์ของงานเป็นไปตามแผนและถูกต้องตามมาตรฐาน


3. ควบคุมระยะการเชื่อมให้เหมาะสมอยู่เสมอ  

การควบคุมอัตราความเร็วระหว่างการเชื่อม เพื่อควบคุมระยะหรือให้ระยะของลวดเชื่อมกับตัวเหล็กอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม ซึ่งนั่นอาจหมายถึงความประณีตในการปฏิบัติงานรวมถึงความชำนาญเฉพาะตัวร่วมด้วยที่จะช่วยให้ขั้นตอนของการควบคุมอัตราความเร็วและระยะการเชื่อมเป็นไปได้อย่างพิถีพิถัน


4. ตรวจสอบกระแสไฟและความเสถียรของตู้เชื่อมอย่างต่อเนื่อง 

อีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่จะทำให้รอยต่อของงานเชื่อมสวยงามไร้ที่ติ คือเรื่องของกระแสไฟที่ควรจะเสถียรอยู่เสมอ เพื่อไม่ให้ไฟแรงเกินไปหรืออ่อนเกินไประหว่างการปฏิบัติงานที่จะส่งผลให้ชิ้นงานอาจบกพร่องและขาดความต่อเนื่องของรอยต่อ


5. ปฏิบัติงานอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีเหมาะกับการเชื่อม 

ปฏิเสธไม่ได้ว่าสภาพแวดล้อมที่ดีและเหมาะต่อการเชื่อม คือ การปฏิบัติงานในสภาพแวดล้อมของโรงงานเพราะสามารถทำการเชื่อมในท่าแนวราบซึ่งเป็นท่าที่ง่ายต่อการทำงานมากกว่าการไปเชื่อมหน้างานที่อาจต้องมีท่าอื่นๆ ตามบริบทของตำแหน่งนั้นๆ ที่จะส่งผลให้ชิ้นงานไม่เรียบร้อยเท่าที่ควร รวมถึงสภาพแวดล้อมภายในโรงงานยังครบครันไปด้วยอุปกรณ์และการควบคุมความเสถียรของกระแสไฟที่คงที่มากกว่าอีกด้วย